สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
งานในสัปดาห์นี้จะเกี่ยวกับการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน ทำให้ได้รู้ถึงกระบวนการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน วิธีการคิดค่าภาษี และการดึงข้อมูลผู้เสียภาษีขึ้นมาดูจากระบบงานคอมพิวเตอร์
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553
รายงานความคืบหน้าในการเข้าฝึกงานสัปดาห์ที่ 16
สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
งานในสัปดาห์นี้จะเกี่ยวกับการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน ทำให้ได้รู้ถึงกระบวนการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน วิธีการคิดค่าภาษี และการดึงข้อมูลผู้เสียภาษีขึ้นมาดูจากระบบงานคอมพิวเตอร์
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
งานในสัปดาห์นี้จะเกี่ยวกับการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน ทำให้ได้รู้ถึงกระบวนการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน วิธีการคิดค่าภาษี และการดึงข้อมูลผู้เสียภาษีขึ้นมาดูจากระบบงานคอมพิวเตอร์
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
รายงานความคืบหน้าในการเข้าฝึกงานสัปดาห์ที่ 15
สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
งานในสัปดาห์นี้จะเกี่ยวกับการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน ทำให้ได้รู้ถึงกระบวนการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน วิธีการคิดค่าภาษี และการดึงข้อมูลผู้เสียภาษีขึ้นมาดูจากระบบงานคอมพิวเตอร์
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
งานในสัปดาห์นี้จะเกี่ยวกับการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน ทำให้ได้รู้ถึงกระบวนการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน วิธีการคิดค่าภาษี และการดึงข้อมูลผู้เสียภาษีขึ้นมาดูจากระบบงานคอมพิวเตอร์
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
รายงานความคืบหน้าในการเข้าฝึกงานสัปดาห์ที่ 14
สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
งานในสัปดาห์นี้จะเกี่ยวกับการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน ทำให้ได้รู้ถึงกระบวนการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน วิธีการคิดค่าภาษี และการดึงข้อมูลผู้เสียภาษีขึ้นมาดูจากในระบบงานคอมพิวเตอร์
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
งานในสัปดาห์นี้จะเกี่ยวกับการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน ทำให้ได้รู้ถึงกระบวนการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน วิธีการคิดค่าภาษี และการดึงข้อมูลผู้เสียภาษีขึ้นมาดูจากในระบบงานคอมพิวเตอร์
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
รายงานความคืบหน้าในการเข้าฝึกงานสัปดาห์ที่ 13
สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
งานในสัปดาห์นี้จะเกี่ยวกับการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งทำให้ได้รู้ถึงกระบวนการการเสียภาษีบำรุงท้องที่ การได้รับลดภาษี และการดึงข้อมูลผู้เสียภาษีขึ้นมาดูจากในระบบงานคอมพิวเตอร์
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
งานในสัปดาห์นี้จะเกี่ยวกับการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งทำให้ได้รู้ถึงกระบวนการการเสียภาษีบำรุงท้องที่ การได้รับลดภาษี และการดึงข้อมูลผู้เสียภาษีขึ้นมาดูจากในระบบงานคอมพิวเตอร์
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
รายงานความคืบหน้าในการเข้าฝึกงานสัปดาห์ที่ 12
สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
งานในสัปดาห์นี้จะเกี่ยวกับการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งทำให้ได้รู้ถึงกระบวนการการเสียภาษีบำรุงท้องที่ การได้รับลดภาษีและการดึงข้อมูลผู้เสียภาษีขึ้นมาดูจากในระบบงานคอมพิวเตอร์
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
งานในสัปดาห์นี้จะเกี่ยวกับการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งทำให้ได้รู้ถึงกระบวนการการเสียภาษีบำรุงท้องที่ การได้รับลดภาษีและการดึงข้อมูลผู้เสียภาษีขึ้นมาดูจากในระบบงานคอมพิวเตอร์
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
รายงานความคืบหน้าในการเข้าฝึกงานสัปดาห์ที่ 11
สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
งานในสัปดาห์นี้จะเกี่ยวกับการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งทำให้ได้รู้ถึงกระบวนการเสียภาษีบำรุงท้องที่ การได้รับลดภาษี และการดึงข้อมูลผู้เสียภาษีขึ้นมาดูจากในระบบงานคอมพิวเตอร์
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
งานในสัปดาห์นี้จะเกี่ยวกับการเสียภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งทำให้ได้รู้ถึงกระบวนการเสียภาษีบำรุงท้องที่ การได้รับลดภาษี และการดึงข้อมูลผู้เสียภาษีขึ้นมาดูจากในระบบงานคอมพิวเตอร์
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
รายงานความคืบหน้าในการเข้าฝึกงานสัปดาห์ที่ 10
สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
งานส่วนใหญ่จะเป็นการพิมพ์หนังสือเวียนเตือนให้มายื่นแบบเสียภาษีทั้งภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ เดินเอกสาร ถ่ายเอกสาร และมีเขียนแบบภ.ร.ด. 2 บ้าง
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
งานส่วนใหญ่จะเป็นการพิมพ์หนังสือเวียนเตือนให้มายื่นแบบเสียภาษีทั้งภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ เดินเอกสาร ถ่ายเอกสาร และมีเขียนแบบภ.ร.ด. 2 บ้าง
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
รายงานความคืบหน้าในการเข้าฝึกงานสัปดาห์ที่ 7
สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
ระยะเวลาในสัปดาห์นี้ จะได้ทำงานคล้ายๆกัน เนื่องจากต้องเตรียมตัวในการเสียภาษีเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ คือจะได้เรียนรู้การพิมพ์หนังสือเตือนไปยังบุคคลที่ไม่ได้เสียภาษี กับหนังสือเตือนไปยังผู้ที่เสียภาษีแล้วในปี 52 ว่าอย่าลืมมายื่นแบบเสียภาษีในปี 53
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
ระยะเวลาในสัปดาห์นี้ จะได้ทำงานคล้ายๆกัน เนื่องจากต้องเตรียมตัวในการเสียภาษีเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ คือจะได้เรียนรู้การพิมพ์หนังสือเตือนไปยังบุคคลที่ไม่ได้เสียภาษี กับหนังสือเตือนไปยังผู้ที่เสียภาษีแล้วในปี 52 ว่าอย่าลืมมายื่นแบบเสียภาษีในปี 53
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
รายงานความคืบหน้าในการเข้าฝึกงานสัปดาห์ที่ 6
สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
สัปดาห์นี้ จะได้ทำงานคล้ายๆกัน เนื่องจากต้องเตรียมตัวในการเสียภาษีเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ คือจะได้เรียนรู้การพิมพ์หนังสือเตือนไปยังบุคคลที่ยังไม่เสียภาษี กับหนังสือเตือนไปยังผู้ที่เสียภาษีแล้วในปี 52 ว่าอย่าลืมมายื่นแบบเสียภาษีในปี 53
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
สัปดาห์นี้ จะได้ทำงานคล้ายๆกัน เนื่องจากต้องเตรียมตัวในการเสียภาษีเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ คือจะได้เรียนรู้การพิมพ์หนังสือเตือนไปยังบุคคลที่ยังไม่เสียภาษี กับหนังสือเตือนไปยังผู้ที่เสียภาษีแล้วในปี 52 ว่าอย่าลืมมายื่นแบบเสียภาษีในปี 53
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2553
รายงานความคืบหน้าในการเข้าฝึกงานสัปดาห์ที่ 9
สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
งานส่วนใหญ่จะเป็นการพิมพ์หนังสือเวียนเตือนให้มายื่นแบบเสียภาษีทั้งภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ เดินเอกสาร ถ่ายเอกสาร และมีเขียนแบบภ.ร.ด. 2 บ้าง
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
งานส่วนใหญ่จะเป็นการพิมพ์หนังสือเวียนเตือนให้มายื่นแบบเสียภาษีทั้งภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ เดินเอกสาร ถ่ายเอกสาร และมีเขียนแบบภ.ร.ด. 2 บ้าง
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553
รายงานความคืบหน้าในการเข้าฝึกงานสัปดาห์ที่ 8
สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
เวลาในการฝึกงานสัปดาห์ที่ 8 : 21 พ.ย. - 25 ธ.ค. 2552
งานส่วนใหญ่จะเป็นการพิมพ์หนังสือเวียนเตือนให้มายื่นแบบเสียภาษีทั้งภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ เดินเอกสาร ถ่ายเอกสาร และมีเขียนแบบภ.ร.ด.2 บ้าง
ปัญหาและอุปสรรค : ไม่มี
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
เวลาในการฝึกงานสัปดาห์ที่ 8 : 21 พ.ย. - 25 ธ.ค. 2552
งานส่วนใหญ่จะเป็นการพิมพ์หนังสือเวียนเตือนให้มายื่นแบบเสียภาษีทั้งภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ เดินเอกสาร ถ่ายเอกสาร และมีเขียนแบบภ.ร.ด.2 บ้าง
ปัญหาและอุปสรรค : ไม่มี
วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552
รายงานความคืบหน้าในการเข้าฝึกงานสัปดาห์ที่ 5
สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
ระยะเวลาใน 3 สัปดาห์นี้ จะได้ทำงานคล้ายๆกัน เนื่องจากต้องเตรียมตัวในการเสียภาษีเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ คือจะได้เรียนรู้การพิมพ์หนังสือเตือนไปยังบุคคลที่ยังไม่เสียภาษี กับหนังสือเตือนไปยังผู้ที่เสียภาษีแล้วในปี 52 ว่าอย่าลืมมายื่นแบบเสียภาษีในปี 53
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
ระยะเวลาใน 3 สัปดาห์นี้ จะได้ทำงานคล้ายๆกัน เนื่องจากต้องเตรียมตัวในการเสียภาษีเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ คือจะได้เรียนรู้การพิมพ์หนังสือเตือนไปยังบุคคลที่ยังไม่เสียภาษี กับหนังสือเตือนไปยังผู้ที่เสียภาษีแล้วในปี 52 ว่าอย่าลืมมายื่นแบบเสียภาษีในปี 53
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
รายงานความคืบหน้าในการเข้าฝึกงานสัปดาห์ที่ 4
สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
1. ได้รับความรู้เกี่ยวกับเกี่ยวกับการออกเลขหนังสือส่งเตือน
2. ได้รับความรู้เกี่ยวกับการทำหนังสือรับภายใน/ภายนอก ของฝ่ายที่ทำผ่านโปรแกรมสำเร็จรูป
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
1. ได้รับความรู้เกี่ยวกับเกี่ยวกับการออกเลขหนังสือส่งเตือน
2. ได้รับความรู้เกี่ยวกับการทำหนังสือรับภายใน/ภายนอก ของฝ่ายที่ทำผ่านโปรแกรมสำเร็จรูป
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
รายงานความคืบหน้าในการเข้าฝึกงานสัปดาห์ที่ 3
สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
1. ได้รับความรู้เกี่ยวกับการยื่นแบบภาษีโรงเรือนและที่ดิน ว่าต้องทำอย่างไร แล้วถ้าทำกิจการแต่ไม่ยอม
ยื่นแบบภาษีฯจะมีโทษอย่างไร
2. ได้รับความรู้เกี่ยวกับการทำหนังสือส่งเตือนผู้ที่ค้างภาษี
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
1. ได้รับความรู้เกี่ยวกับการยื่นแบบภาษีโรงเรือนและที่ดิน ว่าต้องทำอย่างไร แล้วถ้าทำกิจการแต่ไม่ยอม
ยื่นแบบภาษีฯจะมีโทษอย่างไร
2. ได้รับความรู้เกี่ยวกับการทำหนังสือส่งเตือนผู้ที่ค้างภาษี
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
รายงานความคืบหน้าในการเข้าฝึกงานสัปดาห์ที่ 2
สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
1. ได้รับความรู้ในกระบวนการลงเลขตัดสต๊อกบุคคลที่เสียภาษีแล้ว
2. ได้รับความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ภ.ร.ด.2 , ภ.บ.ท. และ ภ.ป. มากขึ้น
3. ได้รับรู้ถึงกระบวนการติดต่อสื่อสารระหว่างฝ่าย
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
1. ได้รับความรู้ในกระบวนการลงเลขตัดสต๊อกบุคคลที่เสียภาษีแล้ว
2. ได้รับความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ภ.ร.ด.2 , ภ.บ.ท. และ ภ.ป. มากขึ้น
3. ได้รับรู้ถึงกระบวนการติดต่อสื่อสารระหว่างฝ่าย
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
รายงานความคืบหน้าในการเข้าฝึกงานสัปดาห์ที่ 1
สถานที่ฝึกงาน : สำนักงานเขตบางพลัด
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
1. ได้รับความรู้เกี่ยวกับการจัดทำการเสียภาษีป้าย , ภาษีโรงเรือนและที่ดิน , ภาษีบำรุงท้องที่
ว่ามีกระบวนการทำและมีรายละเอียดสำคัญอะไรบ้าง
2. ได้รู้กระบวนการทำงานของฝ่าย ว่าเป็นอย่างไร
3. ได้รับรู้ถึงกระบวนการทำหนังสือยื่นคำร้องต่าง ๆ ว่ามีกระบวนการอย่างไร เพราะได้ลงมือ
ปฏิบัติจริง ในระบบคอมพิวเตอร์ของฝ่าย ในการบันทึกหนังสือรับส่งภายใน
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
ฝ่ายที่เข้าสังกัด : ฝ่ายรายได้
ความรู้ที่ได้รับ :
1. ได้รับความรู้เกี่ยวกับการจัดทำการเสียภาษีป้าย , ภาษีโรงเรือนและที่ดิน , ภาษีบำรุงท้องที่
ว่ามีกระบวนการทำและมีรายละเอียดสำคัญอะไรบ้าง
2. ได้รู้กระบวนการทำงานของฝ่าย ว่าเป็นอย่างไร
3. ได้รับรู้ถึงกระบวนการทำหนังสือยื่นคำร้องต่าง ๆ ว่ามีกระบวนการอย่างไร เพราะได้ลงมือ
ปฏิบัติจริง ในระบบคอมพิวเตอร์ของฝ่าย ในการบันทึกหนังสือรับส่งภายใน
ปัญหาและอุปสรรค :
ไม่มี
วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2551
วิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพบริหารธุรกิจ 3 (ครั้งที่7)
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2551
นักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ แขนงการตลาดได้มีการจัดสัมนาโดยการเชิญวิทยากรมาบรรยาย ซึ่งได้รับเกียรติจาก Dr.Vuttapong Larpcharoen มาบรรยายในครั้งนี้ โดยพูดถึงเรื่อง " Generation and Marketing " โดยจะพูดถึง 6 Generation ด้วยกัน
- Baby Boomers (1946-1964) คนเจนนี้ในประเทศไทยมีจำนวนประมาณ 15.7 ล้านคน , ชีวิตและเรื่องราวของชีวิตมักจะเกี่ยวข้องกับครอบครัว เน้นความมั่นคงในชีวิต ยุคนี้จะเน้นอาชีพข้าราชการเป็นหลักเพราะมั่นคง หลังเกษียณแล้วก็ยังมีเงินบำนาญ ส่วนใหญ่จะแต่งงานเร็ว มีลูกเยอะ ไม่ค่อยหย่าร้าง ไม่ค่อยเปลี่ยนงาน มีกำลังซื้อสูง เน้นการประนีประนอม มีประสบการณ์ในชีวิตมาก ห่วงเรื่องสุขภาพเพื่ออยู่เห็นความสำเร็จของลูกหลาน
- Yuppies (Young Urban Professionals) เป็นกลุ่มที่กล้าแสดงออก ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย มีรายได้สูง อำนาจการซื้อสูงมาก นิยมทำงานบริษัทเอกชนเพราะรายได้สูง คนยุคนี้จะแต่งงานช้า เริ่มใช้ Internet ในช่วงวัยรุ่น ซื้อสินค้าแบรนด์ดัง มีความต้องการเป็นของตัวเอง และ2สิ่งที่ต้องมีก็คือรถกับเสื้อผ้า จะใช้จ่ายเงินมากกว่าที่ได้รับมา เป็นพวกห่วงภาพลักษณ์มาก สินค้าที่จะเข้าถึงกลุ่ม Yuppies ได้ต้องเป็นสินค้าที่ดังมีชื่อเสียง
- Generation X (1965-1980) คนเจนนี้ในประเทศไทยมีจำนวนประมาณ 16.4 ล้านคน อายุประมาณ 25-39 ปี ไม่ค่อยมีความเป็น Team Worker มักเป็นตัวของตัวเอง แต่ยังมี Balance ตัวเองในการเข้าสังคม มักอยู่คอนโดมีเนียม มีคอมพิวเตอร์ใช้ ยุคนี้ผู้ชายจะใช้เครื่องสำอางค์และรู้จักเครื่องสำอางค์มากกว่าผู้หญิง มีการใช้ Condom หาสินค้าที่คุ้มค่ากับเงิน พยายามตัดค่าใช้จ่ายเพื่อหาสินค้าที่เข้ากับตัวเอง เริ่มมีเงินสินเชื่อเพิ่มเข้ามา แต่งงานค่อนข้างช้า คนยุคนี้เป็นมนุษย์เงินเดือนยอมย้ายงานเพื่อจะได้เงินเดือนมากขึ้น สินค้าที่มียี่ห้อแบรนด์ธรรมดาก็ใช้ได้ถ้าคุ้มค่าที่จะซื้อ
- Generation Y (1981-1995) คนเจนนี้ในประเทศไทยมีจำนวนประมาณ 15.9 ล้านคน อายุประมาณ 10-24 ปี เป็นพวกกล้าแสดงออก ต้องการความเป็นตัวเองสูง ไม่ชอบยุคของพ่อแม่ ไม่ใช่พวก Team Worker มักมีศัพท์แปลกๆที่ไม่เคยได้ยินจำนวนมาก เช่น กิ๊ก , เด็กแนว , เด็กแว๊น , สะก๊อย ฯลฯ ยุคนี้ภาษาอังกฤษกับคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ชอบมีเจ้านาย พวกชอบแหกกฎ
- Generation Z (1996-2008) คนเจนนี้ในประเทศไทยมีจำนวนประมาณ 9.6 ล้านคน อายุต่ำกว่า 9 ปี เป็นกลุ่มที่ลืมตาขึ้นมาในโลกที่มี Internet กำลังเบ่งบานเต็มที่ จึงตอบรับเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้ดี เด็กกลุ่มนี้มีอิทธิพลอย่างมากในการตัดสินใจซื้อของพ่อแม่ เป็นพวกบ้าคอมพิวเตอร์ เน้นความแตกต่างไม่เหมือนใคร เป็นความหวังของอีคอมเมิร์ซ กลุ่มพวกนี้จะรับมุขเร็ว
- Generation C (Generation of Content) ไม่สามารถแบ่งแยกได้ด้วยอายุ มีพฤติกรรมโดดเด่นทางด้านการรับและส่งข้อมูล มีคอมพิวเตอร์ใช้ มี lifestyle ในการ connecting people ตลอดเวลา จะ update อยู่ตลอดเวลา ไม่ยอมตกกระแส ไม่งั้นจะเชย ต้องเช็ค e-mail , เล่น Hi5 , คุยกับเพื่อนทาง MSN , blog ตื่นตอนเช้าเพื่อดูรายการข่าว ใช้ Internet ในการค้นหาข้อมูลประกอบการทำงานและซื้อสินค้าต่าง ๆ เป็นยุคที่ใครมีข้อมูลมากกว่าก็มีโอกาสชนะในการแข่งขันมากกว่า (Information Edge)
ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนครั้งนี้ :
- ได้ทราบถึงการใช้ชีวิตของผู้คนในแต่ละ Generation ว่าเป็นอย่างไร
- ได้ทราบถึงการพัฒนาแนวทางการใช้ชีวิตและความนึกคิดของผู้คนในแต่ละ Generation ว่าเป็นอย่างไร
วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551
ทัศนคติ-ความสัมพันธ์ บันไดความสำเร็จ Sales Talent
"เพียงแค่คุณเชื่อมั่นในตัวเองว่า คุณคือสินค้าที่ดีที่สุดในโลก คุณก็จะประสบความสำเร็จในอาชีพได้อย่างมั่นคง"สิ่งที่ "โจ จีราร์ด" เขียนไว้ในหนังสือ ยอดนักขายบันลือโลก อาจโดนใจหลายคน แต่ในทางปฏิบัติจะทำอย่างไรให้ก้าวไปให้ถึงจุดนั้น ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา "คม สุวรรณพิมล" เจ้าของหนังสือ best seller ด้านการพัฒนาตนเองสู่ความสำเร็จ ได้หอบความรู้ เคล็ดลับดีๆ ในการก้าวสู่ sales talent มา coach ให้เซลส์ที่ต้องการก้าวสู่เป้าหมายอันยิ่งใหญ่ฟังหัวใจสำคัญของการก้าวสู่ sales talent ที่โค้ชคมเน้นย้ำอย่างมากในงานสัมมนา ครั้งนี้คือ เรื่องการสร้างทัศนคติที่ดีและการสร้างห่วงโซ่ความสัมพันธ์"คม" ได้หยิบผลสำรวจของนโปเลียน ฮิลล์ ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองเล่มแรกของโลก เกี่ยวกับการพัฒนาตัวเองของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมาชี้ให้เห็นว่า คนกลุ่มนี้มีคุณสมบัติอย่างไร จึงสามารถก้าวขึ้นมายืนอยู่แถวหน้าได้อย่างสง่างาม โดยหลักๆ คนที่ประสบความสำเร็จจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1.ต้องมีเป้าหมายในการทำงานที่แน่นอน 2.มีความเชื่อมั่นในตัวเอง 3.มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เมื่อหันมาดูเซลส์ จะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้อย่างไร ?ขั้นแรกคงต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดที่ผ่านมาจากผลการสำรวจพบว่า เซลส์ 82% ไม่สร้างความแตกต่างของตนเองได้ 86% เซลส์มักถามคำถามผิด 82% เซลส์เห็นราคาเป็นเรื่องสำคัญ จึงใช้วิธีลดราคาเมื่อปัญหาของเซลส์เป็นเช่นนี้ จะขายสินค้าอย่างไร ?
"คม" ให้นิยามการขายของเซลส์ว่า จะต้องเป็นผู้นำคุณค่าไปให้ผู้บริโภค ไม่ใช่นำสินค้าไปให้ผู้บริโภค ฉะนั้นสิ่งที่เซลส์ จะต้องรู้ คือ สินค้าในมือมีคุณค่าอะไรต่อลูกค้า แล้วนำคุณค่านั้นไปให้ลูกค้า ยกตัวอย่าง โทรศัพท์มือถือ แทนที่เซลส์จะไปบอกลูกค้าว่า โทรศัพท์รุ่นนี้ราคาเท่าไหร่ ปุ่มไหนทำงานอย่างไรบ้าง จะต้องบอกลูกค้าเสมือนลูกค้าได้เป็นเจ้าของสินค้านั้นแล้ว เช่น คุณจะไม่พลาดการติดต่อในทุกๆ สถานที่ แม้ว่าจะอยู่หลังเขาก็ตาม เมื่อลูกค้าได้ฟัง เขาจินตนาการตามไปเรื่อยๆ แล้วจะมองเห็นประโยชน์ที่จะได้รับหากจะถามว่า คุณค่าของสินค้าคืออะไร คำตอบคือสิ่งที่อยู่ในใจของลูกค้านั่นเอง "การบอกเล่าคือการขาย แต่ถ้าต้องการให้ผู้บริโภคซื้อสินค้า จะต้องถาม"เคล็ดลับการขายโดยใช้วิธีตั้งคำถาม หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยิน แต่ "คม" บอกว่า วิธีการนี้จะทำให้ลูกค้าลืมเรื่องราคาไปเลย เพราะคุณค่าที่ลูกค้าได้รับนั้นสูงกว่าราคาเพราะฉะนั้นถ้าสามารถสร้างคุณค่าให้กับสินค้าได้เยอะ ราคาอาจจะไม่มีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้าเลยก็เป็นได้ แต่อย่างไรตามการจะนำเสนอคุณค่าของสินค้าให้ประสบความสำเร็จคงต้องอาศัยพื้นฐานของเซลส์ที่ดีประกอบ เซลส์ที่ประสบความสำเร็จกว่า 90% มีทัศนคติทางบวก ฉะนั้นสิ่งที่เซลส์ต้องพัฒนาอันดับแรก คือ ทัศนคติ ซึ่งต้องสร้างจากภายใน เพราะถ้าไม่มีภายในใจแล้วก็จะไม่ปรากฏออกมาภายนอก "คนที่มีทัศนคติทางบวกจะมองเห็นแต่โอกาส ขณะที่คนที่มีทัศนคติทางลบจะมองเห็นแต่ปัญหา สุดท้ายการขายก็ล้มเหลว"การเปลี่ยนทัศนคติคงไม่สามารถทำได้ ชั่วข้ามคืน แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าสามารถทำได้ก็จะเปลี่ยนชีวิตจากที่เคยเป็นคนโชคร้าย มาเป็นคนโชคดีได ้ไม่ยากโดยสิ่งที่ต้องทำ คือต้องหยุดกล่าวโทษเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต หยุดกล่าวโทษผู้อื่น หันมาทำความรู้จักลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น ยืนหยัดจนกว่าจะได้รับคำตอบ และทำงานอย่างเต็มที่ สุดท้ายสำคัญมาก ต้องคิด ก่อนพูด "คนที่มีทัศนคติที่ดี หากเจอสถานการณ์ที่ลูกค้าเดินเข้ามาต่อว่า เขาจะกล่าวคำว่า ขอบคุณ แล้วถามตัวเองต่อว่า ฉันจะทำในสิ่งนี้ให้ดีได้อย่างไร จากนั้นหาทางพัฒนา ตัวเองต่อไป"นี่คือเคล็ดลับในการมองปัญหาที่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ที่เลวร้ายให้คลี่คลายไปในทางที่ดีได้ เพราะเมื่อมองความล้มเหลว ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เป็นเหตุการณ์ไม่ใช่ตัวบุคคล การแก้ไขก็จะง่ายมากขึ้น "คม" บอกว่า คนที่สนใจในความสำเร็จจะต้องเรียนรู้ที่จะมองความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ของกระบวนการก้าวสู่ความเป็นสุดยอด ฉะนั้นถ้าอยากเป็นเซลส์ที่ดีจะต้องพัฒนาทัศนคติ และฝึกพูดคำเหล่านี้ให้ติดปาก นั่นคือ เยี่ยม ไม่มีปัญหา เป็นปัญหาที่ดี ใช่เลย เด็ดมาก ผมคิดว่าเราช่วยคุณได้ ถ้าเซลส์ทุกคนเข้าใจความเป็นจริง จะรู้ว่า สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ทัศนคติที่ดีคือ คอนเน็กชั่นหรือความสัมพันธ์ที่ดี เพราะประมาณ 50% ของความสำเร็จในการขายได้มาจากมิตรภาพที่ดีซึ่งในหนึ่งคนสามารถสร้างคอนเน็กชั่นได้ลึกถึง 6 ระดับ วิธีสร้างคอนเน็กชั่นมีด้วยกัน 2 รูปแบบ แบบแรก คือ การสร้างคอนเน็กชั่นแบบตัวต่อตัว ทำอย่างไรให้ลูกค้าคุยกับคุณ จากจุดนี้จะเห็นว่า สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่า "คุณรู้จักใคร" แล้ว แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่า "ใครรู้จักคุณ"กลยุทธ์ในการสร้างความสัมพันธ์ฉบับอาจารย์คมบอกไว้ว่า ต้องเริ่มต้นด้วยความเป็นมิตร กำหนดภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตนเอง จะช่วยสร้างความมั่นใจได้ระดับหนึ่ง เวลาคุย ต้องมองตาเพื่อสร้างความนับถือ ที่สำคัญ ต้องมีทัศนคติเชิงบวกเพื่อที่จะทำ ให้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นบวก และให้ความสนใจคนอื่น ก่อนให้คนอื่นสนใจในตัวเองฉะนั้นก่อนที่จะสร้างคอนเน็กชั่นจะต้องหาคุณค่าในตัวเองให้เจอก่อน แล้วนำคุณค่านั้นไปมอบให้คนอื่น จะทำให้ตัวเอง ดูดี แล้วคุณค่านี้จะได้รับการบอกต่อไปยังเพื่อนใหม่อีก 6 คนแบบที่สอง คือ การสร้างเครือข่าย ตรงนี้ทำได้ไม่ยาก เคล็ดลับข้อหนึ่งคือ จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 75% ในการพูดคุยกับคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน และต้องเตรียมพร้อมก่อนที่จะปรากฏตัวเพื่อสร้างความประทับใจให้กับเพื่อนใหม่ ไม่ว่าจะไปงานสัมมนา งานประชุมธุรกิจ หรือแม้แต่การประชุมสมาคมผู้ปกครอง ดูหนัง ดูละคร เซลส์มืออาชีพสามารถสร้างเครือข่ายได้หมด เพียงแต่ว่าจะเอาคุณค่าอะไรในตัวเองไปบอกกับคนอื่นฉะนั้นวันนี้ใครอยากประสบความสำเร็จในอาชีพเซลสต้องหา "คุณค่า" ในตัวเอง ให้เจอ
"คม" ให้นิยามการขายของเซลส์ว่า จะต้องเป็นผู้นำคุณค่าไปให้ผู้บริโภค ไม่ใช่นำสินค้าไปให้ผู้บริโภค ฉะนั้นสิ่งที่เซลส์ จะต้องรู้ คือ สินค้าในมือมีคุณค่าอะไรต่อลูกค้า แล้วนำคุณค่านั้นไปให้ลูกค้า ยกตัวอย่าง โทรศัพท์มือถือ แทนที่เซลส์จะไปบอกลูกค้าว่า โทรศัพท์รุ่นนี้ราคาเท่าไหร่ ปุ่มไหนทำงานอย่างไรบ้าง จะต้องบอกลูกค้าเสมือนลูกค้าได้เป็นเจ้าของสินค้านั้นแล้ว เช่น คุณจะไม่พลาดการติดต่อในทุกๆ สถานที่ แม้ว่าจะอยู่หลังเขาก็ตาม เมื่อลูกค้าได้ฟัง เขาจินตนาการตามไปเรื่อยๆ แล้วจะมองเห็นประโยชน์ที่จะได้รับหากจะถามว่า คุณค่าของสินค้าคืออะไร คำตอบคือสิ่งที่อยู่ในใจของลูกค้านั่นเอง "การบอกเล่าคือการขาย แต่ถ้าต้องการให้ผู้บริโภคซื้อสินค้า จะต้องถาม"เคล็ดลับการขายโดยใช้วิธีตั้งคำถาม หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยิน แต่ "คม" บอกว่า วิธีการนี้จะทำให้ลูกค้าลืมเรื่องราคาไปเลย เพราะคุณค่าที่ลูกค้าได้รับนั้นสูงกว่าราคาเพราะฉะนั้นถ้าสามารถสร้างคุณค่าให้กับสินค้าได้เยอะ ราคาอาจจะไม่มีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้าเลยก็เป็นได้ แต่อย่างไรตามการจะนำเสนอคุณค่าของสินค้าให้ประสบความสำเร็จคงต้องอาศัยพื้นฐานของเซลส์ที่ดีประกอบ เซลส์ที่ประสบความสำเร็จกว่า 90% มีทัศนคติทางบวก ฉะนั้นสิ่งที่เซลส์ต้องพัฒนาอันดับแรก คือ ทัศนคติ ซึ่งต้องสร้างจากภายใน เพราะถ้าไม่มีภายในใจแล้วก็จะไม่ปรากฏออกมาภายนอก "คนที่มีทัศนคติทางบวกจะมองเห็นแต่โอกาส ขณะที่คนที่มีทัศนคติทางลบจะมองเห็นแต่ปัญหา สุดท้ายการขายก็ล้มเหลว"การเปลี่ยนทัศนคติคงไม่สามารถทำได้ ชั่วข้ามคืน แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าสามารถทำได้ก็จะเปลี่ยนชีวิตจากที่เคยเป็นคนโชคร้าย มาเป็นคนโชคดีได ้ไม่ยากโดยสิ่งที่ต้องทำ คือต้องหยุดกล่าวโทษเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต หยุดกล่าวโทษผู้อื่น หันมาทำความรู้จักลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น ยืนหยัดจนกว่าจะได้รับคำตอบ และทำงานอย่างเต็มที่ สุดท้ายสำคัญมาก ต้องคิด ก่อนพูด "คนที่มีทัศนคติที่ดี หากเจอสถานการณ์ที่ลูกค้าเดินเข้ามาต่อว่า เขาจะกล่าวคำว่า ขอบคุณ แล้วถามตัวเองต่อว่า ฉันจะทำในสิ่งนี้ให้ดีได้อย่างไร จากนั้นหาทางพัฒนา ตัวเองต่อไป"นี่คือเคล็ดลับในการมองปัญหาที่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ที่เลวร้ายให้คลี่คลายไปในทางที่ดีได้ เพราะเมื่อมองความล้มเหลว ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เป็นเหตุการณ์ไม่ใช่ตัวบุคคล การแก้ไขก็จะง่ายมากขึ้น "คม" บอกว่า คนที่สนใจในความสำเร็จจะต้องเรียนรู้ที่จะมองความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ของกระบวนการก้าวสู่ความเป็นสุดยอด ฉะนั้นถ้าอยากเป็นเซลส์ที่ดีจะต้องพัฒนาทัศนคติ และฝึกพูดคำเหล่านี้ให้ติดปาก นั่นคือ เยี่ยม ไม่มีปัญหา เป็นปัญหาที่ดี ใช่เลย เด็ดมาก ผมคิดว่าเราช่วยคุณได้ ถ้าเซลส์ทุกคนเข้าใจความเป็นจริง จะรู้ว่า สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ทัศนคติที่ดีคือ คอนเน็กชั่นหรือความสัมพันธ์ที่ดี เพราะประมาณ 50% ของความสำเร็จในการขายได้มาจากมิตรภาพที่ดีซึ่งในหนึ่งคนสามารถสร้างคอนเน็กชั่นได้ลึกถึง 6 ระดับ วิธีสร้างคอนเน็กชั่นมีด้วยกัน 2 รูปแบบ แบบแรก คือ การสร้างคอนเน็กชั่นแบบตัวต่อตัว ทำอย่างไรให้ลูกค้าคุยกับคุณ จากจุดนี้จะเห็นว่า สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่า "คุณรู้จักใคร" แล้ว แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่า "ใครรู้จักคุณ"กลยุทธ์ในการสร้างความสัมพันธ์ฉบับอาจารย์คมบอกไว้ว่า ต้องเริ่มต้นด้วยความเป็นมิตร กำหนดภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตนเอง จะช่วยสร้างความมั่นใจได้ระดับหนึ่ง เวลาคุย ต้องมองตาเพื่อสร้างความนับถือ ที่สำคัญ ต้องมีทัศนคติเชิงบวกเพื่อที่จะทำ ให้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นบวก และให้ความสนใจคนอื่น ก่อนให้คนอื่นสนใจในตัวเองฉะนั้นก่อนที่จะสร้างคอนเน็กชั่นจะต้องหาคุณค่าในตัวเองให้เจอก่อน แล้วนำคุณค่านั้นไปมอบให้คนอื่น จะทำให้ตัวเอง ดูดี แล้วคุณค่านี้จะได้รับการบอกต่อไปยังเพื่อนใหม่อีก 6 คนแบบที่สอง คือ การสร้างเครือข่าย ตรงนี้ทำได้ไม่ยาก เคล็ดลับข้อหนึ่งคือ จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 75% ในการพูดคุยกับคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน และต้องเตรียมพร้อมก่อนที่จะปรากฏตัวเพื่อสร้างความประทับใจให้กับเพื่อนใหม่ ไม่ว่าจะไปงานสัมมนา งานประชุมธุรกิจ หรือแม้แต่การประชุมสมาคมผู้ปกครอง ดูหนัง ดูละคร เซลส์มืออาชีพสามารถสร้างเครือข่ายได้หมด เพียงแต่ว่าจะเอาคุณค่าอะไรในตัวเองไปบอกกับคนอื่นฉะนั้นวันนี้ใครอยากประสบความสำเร็จในอาชีพเซลสต้องหา "คุณค่า" ในตัวเอง ให้เจอ
วิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพบริหารธุรกิจ 3 (ครั้งที่6)
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ.2551
เวลา 14.30 น. เป็นวันจัดงานแสดงบูธของแขนงคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ที่อาคารคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฝั่งตรงข้ามห้างตั้งฮั้วเส็ง (ถ.สิรินธร) ได้แบ่งจัดแสดงบูธที่ชั้น 2 และชั้น 3 รวมทั้งหมด 39 บูธ โดยจะมีคณาอาจารย์และบรรดานักศึกษาทั้งแขนงคอมพิวเตอร์ธุรกิจและแขนงอื่น ๆ เข้ามาร่วมชมและประเมินบูธ โดยทางแขนงคอมพิวเตอร์ได้จัดสมุดเซ็นชื่อเข้าเยี่ยมชมที่บูธต้อนรับด้านหน้าซึ่งตามแต่บูธก็จะมีคอมพิวเตอร์อยู่ 1 เครื่องเพื่อแสดงเว็บไซต์ของโครงการที่นักศึกษาทำขึ้นเอง และโปรแกรมประเมินโครงการที่จะให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมบูธได้ทำการประเมินตามหัวข้อที่ได้กำหนดไว้ และสามารถบอกถึงความพอใจและข้อแนะนำที่จะให้ปรับปรุงเกี่ยวกับโครงการได้ การจัดแสดงบูธครั้งนี้เพื่อประเมินว่านักศึกษามีความสามารถในการบริหารงานหรือไม่ มีการทำงานกันเป็นทีมหรือไม่ โดยอาจารย์ที่มาประเมินมีคะแนนท่านละ 50 คะแนน แต่ละโครงการจะผ่านได้ต้องได้รับคะแนนอย่างน้อย 30 คะแนน เวลา 18.00 น. เป็นเวลาจบการแสดงบูธของแขนงคอมพิวเตอร์ธุรกิจ
ประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียนครั้งนี้ :
- ได้ฝึกทักษะการบริหารงานธุรกิจอย่างเป็นระบบ
- ได้ฝึกทักษะความรับผิดชอบ ผ่านการทำงานเป็นทีม
วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551
วิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพบริหารธุรกิจ 3 (ครั้งที่5)
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ.2551
การเรียนครั้งนี้ ผศ.โรจนา ศุขะพันธุ์ ได้มาบรรยายเรื่อง การพัฒนาบุคลิกภาพ
ได้บรรยายถึงคุณลักษณะของนักศึกษาที่ดีว่า : ต้องมีบุคคลิกดี , มีน้ำใจ , ใฝ่หาความรู้ , เชิดชูองค์การ , สมานสามัคคี ซึ่งอาจารย์ได้ยกตัวอย่างของ สถาบันคาร์เนกี้อินสติติวท์ออฟเทคโนโลยี ที่ได้สรุปถึงความสำเร็จที่ได้รับว่า "การมีบุคคลิกภาพและความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่น ทำให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานถึง 85% ในทางกลับกันคนที่เก่งแต่ทางเทคนิคในการทำงาน ประสบความสำเร็จเพียงแค่ 15% "
อาจารย์ยังได้บรรยายถึงบุคลิกภาพที่ดีว่า : ต้องมีสุขภาพดี , เสียงพูดไพเราะ มีหางเสียง , กิริยาท่าทางเรียบร้อย , แต่งกายเหมาะสมตามกาลเทศะ , รู้จักมารยาทในการสมาคม
และบอกหลักการแต่งกายในโลกธุรกิจว่า :
- แต่งตัวให้เรียบร้อย ดูดี มีรสนิยม
- เสื้อผ้าที่ใส่ต้องสะอาด เรียบร้อย
- แต่งหน้าพอสวยเป็นธรรมชาติ
- ไม่ทำผมรุงรัง และไม่ทำผมหลายสี
- แต่งกายตามระเบียบบริษัท ( เช่น ใช้เครื่องประดับที่เหมาะสม , สวมรองเท้าถูกระเบียบ )
- ติดป้ายชื่อตลอดเวลาขณะปฏิบัติหน้าที่
ประโยชน์ที่ได้รับจากการเรียนครั้งนี้ :
- ทำให้ได้รู้ถึงจุดบกพร่องของตนเอง เพื่อการปรับปรุงตัวให้มีบุคคลิกภาพที่ดีขึ้น
- ทำให้เราได้เตรียมตัวให้พร้อมล่วงหน้า ก่อนออกไปฝึกงานจริง
- ความรู้ที่ได้นอกจากจะนำไปใช้ในชีวิตมหาวิทยาลัยฯแล้ว ยังสามารถนำไปใช้ได้จริงในอนาคตหลังจากจบการศึกษาไปแล้ว
วิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพบริหารธุรกิจ 3 (ครั้งที่4)
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ.2551
การเรียนครั้งนี้ได้มีวิทยากรตัวแทนจากบริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก จำกัด (มหาชน) (SSEC) มาบรรยายเรื่องการออม อธิบายว่าทำไมเราต้องออม , ทำไมต้องลงทุน...ออมอย่างเดียวไม่ได้ , บอกเส้นทางสู่ความมั่งคั่ง , ...
ทำให้เรารู้ว่าเงินออมมาจากไหน เงินออมก็มาจาก : รายได้ - รายจ่าย นั่นเอง
บอกหลักการเพิ่มรายได้ :
- ตั้งเป้าหมาย ( ว่าเราอยากจะไปอยู่ที่จุดๆไหนในอนาคต และต้องประเมินตัวเองเสมอ )
- รักในงาน ( ต้องมีใจรักในงาน ในอาชีพที่ทำ )
- เปิดโอกาส/หาโอกาสให้ตนเองเสมอ ( หากมีโอกาสดีๆเข้ามา ก็ควรจะรีบไขว่คว้าเอาไว้ )
บอกหลักการลดรายจ่าย :
- ทำบัญชีครัวเรือน ( การจดรายได้รายจ่ายในแต่ละวัน จะทำให้เรารู้ว่าเราใช้เงินไปกับอะไรบ้างและเท่าไหร่ )
- เศรษฐกิจพอเพียง ( การใช้ชีวิตแบบพอเพียง ไม่หรูหราฟุ่มเฟือยจนเกินไป ก็เป็นการลดรายจ่ายและเงินออมเราก็จะมากขึ้น )
- วินัยกับนิสัย ( เราต้องฝึกวินัยและนิสัยในการใช้จ่ายเงินให้เพียงพอหรือน้อยกว่ารายได้ที่เราได้รับให้ชิน )
Tips ในการใช้จ่ายเงิน :
- ซื้อของราคาแพงได้ แต่ซื้อตอนที่ลดราคา
- อย่าซื้อของเมื่อจำเป็น
- ของฟุ่มเฟือยอย่าซื้อทัน
- ใช้บัตรเครดิตให้เป็น
- รู้จักให้ เพื่อให้รู้จักค่าของเงิน
- บริหารภาษี
ทางลัดสู่ความมั่งคั่ง :
- คือการออมทุกเดือน ลงทุนทุกเดือน ( หรือเรียกว่าเงินต่อเงินก็ได้ คือการนำเงินออมของเราไปลงทุนต่อ เช่น การเล่นหุ้น อย่างน้อยก็ทำให้เงินของเราเพิ่มพูนมากขึ้นกว่าการเก็บเงินเอาไว้เฉยๆ โดยไม่ได้นำไปทำอะไรเลย )
ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนครั้งนี้ :
- ทำให้ได้รู้หลักการออมง่ายๆ ที่นำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
- ทำให้ได้รู้หนทางในการเพิ่มพูนรายได้ให้มากขึ้น กว่าการเก็บออมเงินไว้เฉย ๆ
- ทำให้เริ่มคิดถึงการวางผ่านหลักความมั่นคงของชีวิตในอนาคต
วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2551
วิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพบริหารธุรกิจ 3 (ครั้งที่ 3)
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2551
ได้เรียนเกี่ยวกับการฝึกทักษะภาษาอังกฤษและสารสนเทศ บรรยายโดย อาจารย์ปรมัตถ์ปัญปรัชญ์ ต้องประสงค์ ได้พูดถึง
- Active การพูดคุย conversation , การเขียน writing
- Passive การอ่าน reading , การฟัง listening
หลังจากนั้นอาจารย์ได้สั่งงานให้นักศึกษา 5 อย่าง คือ
- ให้นักศึกษาทำ Resume หรือ C.V. หรือ Profile พิมพ์ส่งให้อาจารย์ทาง E-mail ภายในใส่รูปนักศึกษาถูกต้องตามระเบียบ โดยกำหนดให้นักศึกษาแขนงคอมพิวเตอร์ธุรกิจใช้หัวข้อ C.V.และกำหนดหัวข้อไฟล์ที่ส่งงานคือ CV-ตอนเรียน-รหัสนักศึกษา (ตัวอย่าง CV-B1-49132792095 ) และให้นักศึกษาใช้แบบฟอร์มเหมือนกัน
- ให้นักศึกษาหาคำศัพท์ภาษาอังกฤษในสาขาของนักศึกษาเอง รวบรวมส่งเป็นตอนเรียน โดยส่งไฟล์งานไปที่หัวหน้า พิมพ์ใส่ Microsoft Word อักษร Cordia UPC ขนาด 16 เรียงแบบดิกชันนารี ใส่ตารางแยกคำกับความหมาย หัวข้อไฟล์งานคือ VOCAB-ตอนเรียน ส่งวันที่ 29 สิงหาคม
- ให้นักศึกษาไปฝึก English Discovery ชั้น3 ที่สำนักวิทยบริการและสารสนเทศ ห้องแลป
- ให้นักศึกษาสร้าง blog และให้เล่าเรื่องการเตรียมฝึกบริหารธุรกิจของตนเอง กำหนดให้นักศึกษาแขนงคอมพิวเตอร์ธุรกิจสร้าง blog ผ่านเว็บที่ให้บริการ freeblog ของ blogger อาจารย์ยังได้ให้ที่อยู่ blog ของอาจารย์เพื่อให้นักศึกษาดูเป็นตัวอย่างด้วย http://mr-porl.blogspot.com/
- ให้นักศึกษาสแกนเอกสารที่เกี่ยวข้องกับตนเอง ใส่ไฟล์ไว้
ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนครั้งนี้ :
- ได้ฝึกการใช้ทักษะภาษาอังกฤษ เช่น การพูดคุย , การเขียน , การอ่าน และการฟัง และยังได้ค้นคว้าหาคำศัพท์ใหม่ๆ มาเป็นความรู้เพิ่มเติม และยังสามารถนำมาใช้ในชีวิตได้จริง
- ได้ฝึกการใช้ทักษะทางสารสนเทศ โดยผ่านการสร้าง blog
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)